เครื่องสำอาง

ปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยเป็นสิ่งที่หลายคนต้องเผชิญเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ในวัย 25+ ที่เริ่มมีสัญญาณผิวล้า แต่โชคดีที่เทคโนโลยีด้านสกินแคร์ก้าวหน้าไปไกล ทำให้ “เซรั่มลดริ้วรอย” กลายเป็นไอเทมสำคัญที่ช่วยชะลอวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ บอกต่อ ขอแนะนำ 10 เซรั่มลดริ้วรอยยอดนิยมในปี 2025 พร้อมเปรียบเทียบให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้น!

สาเหตุที่ทำให้ใบหน้ามีริ้วรอย

ริ้วรอยบนใบหน้ามักเป็นสัญญาณของการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย รวมทั้งสิ่งแวดล้อมและปัจจัยภายในร่างกาย ปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดริ้วรอยมีดังนี้:

1. การเสื่อมสภาพของคอลลาเจนและอีลาสติน

  • คอลลาเจนและอีลาสตินเป็นโปรตีนที่ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและกระชับ เมื่อเราอายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินจะลดลง ทำให้ผิวหนังเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย

2. การสูญเสียความชุ่มชื้นในผิว

  • เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยง่ายขึ้น

3. แสงแดดและรังสี UV

  • การสัมผัสแสงแดดและรังสี UV โดยตรงทำให้เกิดการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง การตากแดดมาก ๆ จะเร่งกระบวนการสร้างริ้วรอยบนใบหน้า

4. การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า

  • การทำกิจกรรมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น การยิ้ม การขมวดคิ้ว หรือการขมวดปาก อาจทำให้เกิดรอยย่นตามเส้นริ้วของการเคลื่อนไหวที่ทำซ้ำ ๆ จนเกิดริ้วรอย

5. การสูบบุหรี่

  • การสูบบุหรี่ทำให้ผิวหนังขาดออกซิเจน และการไหลเวียนเลือดลดลง ส่งผลให้ผิวหนังเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

6. การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม

  • การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพสามารถเร่งการเกิดริ้วรอย โดยเฉพาะการเพิ่มระดับของอนุมูลอิสระในร่างกายที่ทำลายเซลล์ผิว

7. พันธุกรรม

  • พันธุกรรมก็มีส่วนในการกำหนดอายุที่ริ้วรอยจะเริ่มปรากฏขึ้น บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยเร็วขึ้นหรือในบางพื้นที่ของใบหน้า

8. การนอนหลับไม่เพียงพอ

  • การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวได้เต็มที่ ส่งผลให้ผิวหนังดูหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น

9. ความเครียด

  • ความเครียดสามารถทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่มีผลเสียต่อผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบและลดความสามารถในการฟื้นฟูของผิว

10. มลภาวะ

  • การสัมผัสมลภาวะในอากาศ เช่น ฝุ่นละอองหรือสารเคมีจากการเผาไหม้ สามารถทำลายผิวหนังและทำให้ริ้วรอยเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น

อันดับเซรั่มลดริ้วรอยที่ดีที่สุด

1. La Roche-Posay Retinol B3 Serum

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • ผสาน Pure Retinol + Retinol Booster เพื่อการลดริ้วรอยลึกแบบอ่อนโยน
  • มี Vitamin B3 (Niacinamide) ช่วยปลอบประโลม ลดการระคายเคือง
  • Thermal Spring Water เอกลักษณ์ของแบรนด์ ช่วยเสริมเกราะผิว
  • ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย

เหมาะกับใคร?

  • ผู้เริ่มต้นใช้เรตินอล
  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ต้องการเซรั่มลดริ้วรอยที่ไม่รุนแรง
  • ผู้ที่มีริ้วรอยแรกเริ่มหรือผิวดูหมองคล้ำ

วิธีใช้

  • ใช้ในตอนกลางคืน หลังทำความสะอาดผิว
  • เริ่มต้นสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง จากนั้นค่อยเพิ่มความถี่
  • ตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเสริมการปกป้อง
  • อย่าลืมใช้ครีมกันแดดทุกเช้า!

ข้อควรระวัง

  • หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับ AHA/BHA หรือวิตามิน C ที่ความเข้มข้นสูงในขั้นตอนเดียวกัน
  • อาจมีอาการผิวลอกเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้น (ถือเป็นเรื่องปกติของเรตินอล)

ส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจ

ชื่อสาร คุณสมบัติ
Pure Retinol ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
Retinol Booster เสริมประสิทธิภาพของเรตินอลให้เห็นผลเร็วขึ้น
Niacinamide (B3) ลดรอยแดง ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
Glycerin เพิ่มความชุ่มชื้นทันทีที่ใช้
Thermal Spring Water บรรเทาอาการระคายเคือง เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว

2. Estée Lauder Advanced Night Repair (ANR)

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • ซ่อมแซมผิวในขณะนอนหลับด้วย Chronolux™ Power Signal Technology
  • เติมความชุ่มชื้นทันที ยาวนานสูงสุด 72 ชม.
  • ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
  • เพิ่มความกระจ่างใสและความยืดหยุ่นของผิวอย่างเห็นได้ชัด

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีผิวแห้งหรือขาดน้ำ
  • ผิวเหนื่อยล้า จากการนอนน้อยหรือทำงานหนัก
  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย จุดด่างดำ หรือรูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่เริ่มมีอายุ 30+ และต้องการเซรั่มบำรุงแบบครบวงจร

วิธีใช้

  • ใช้หลังโทนเนอร์ และก่อนครีมบำรุงตอนกลางคืน
  • หยดลงฝ่ามือ 3-4 หยด ลูบเบา ๆ ทั่วใบหน้าและลำคอ
  • ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น (แต่เวลากลางคืนจะได้ผลดีที่สุด)

ข้อควรระวัง

  • หากใช้ร่วมกับวิตามินซีแรง ๆ ควรเว้นระยะเวลาสัก 10-15 นาที
  • ควรเก็บไว้ในที่เย็น ไม่วางตากแดด เพื่อรักษาคุณภาพของส่วนผสม

ส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจ

ชื่อสาร คุณสมบัติ
Chronolux™ Technology ส่งสัญญาณซ่อมแซมผิวตามนาฬิกาชีวภาพ
Hyaluronic Acid เติมความชุ่มชื้นลึก ให้ผิวนุ่มเด้ง
Tripeptide-32 ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ
Lactobacillus Ferment เสริมสมดุลจุลินทรีย์ผิว ปรับสมดุลให้ผิวแข็งแรง

3. Vichy Liftactiv Retinol Specialist Serum

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกอย่างชัดเจน
  • ผสาน Pure Retinol 0.2% + Probiotic Fractions ลดการระคายเคือง
  • ฟื้นบำรุงเกราะผิวให้แข็งแรง ไม่แห้งลอก
  • ซึมไว ไม่เหนียว เหมาะสำหรับใช้ทุกคืน

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยลึกหรือริ้วรอยที่เริ่มปรากฏชัด
  • ผู้ที่เคยใช้เรตินอลมาแล้ว และต้องการสูตรที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • ผิวธรรมดาถึงแพ้ง่ายที่อยากลองเรตินอลแบบไม่เสี่ยงลอก

วิธีใช้

  • ใช้ตอนกลางคืน วันเว้นวันในช่วงแรก
  • ทาให้ทั่วใบหน้า หลีกเลี่ยงรอบดวงตาและปาก
  • ควรลงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ซ้ำเพื่อเสริมความชุ่มชื้น
  • ใช้ครีมกันแดดในตอนเช้าเป็นประจำ

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรใช้พร้อมกับ AHA, BHA หรือวิตามินซีเข้มข้นในขั้นตอนเดียวกัน
  • หากผิวมีการลอก แดง หรือแสบ ควรพักการใช้ชั่วคราว 1-2 วัน

ส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจ

ชื่อสาร คุณสมบัติ
Pure Retinol 0.2% ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอยและจุดด่างดำ
Probiotic Fractions ช่วยฟื้นฟูสมดุลผิวจากมลภาวะและความเครียด
Hyaluronic Acid เติมน้ำให้ผิว ดูอิ่มฟูและลดรอยยับย่น
Vitamin E ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากการทำลายของแสง

4. Clarins Double Serum

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • สูตรผสาน น้ำ + น้ำมัน (Hydric + Lipidic system) ในขวดเดียว
  • มี สารสกัดขมิ้น (Turmeric) ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ลดเลือนริ้วรอย เสริมความยืดหยุ่นและความกระจ่างใส
  • ปรับความเข้มข้นได้เองตามสภาพผิวด้วยหัวปั๊ม 2 ระดับ

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัย เช่น ริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  • ผิวแห้ง ผิวหมองคล้ำ หรือผิวขาดน้ำ
  • ผู้ที่ต้องการเซรั่มที่มีคุณสมบัติรอบด้านในขวดเดียว

วิธีใช้

  • ใช้หลังจากทำความสะอาดผิวและลงโทนเนอร์
  • ปรับปริมาณด้วยหัวปั๊ม: เล็ก (กลางวัน) / ใหญ่ (กลางคืน)
  • ใช้ร่วมกับมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือครีมบำรุงได้ตามปกติ

ข้อควรระวัง

  • หากคุณมีผิวมันมาก อาจต้องใช้ปริมาณน้อยลง เพราะเป็นสูตรน้ำมันผสมน้ำ
  • ควรทดสอบการแพ้เบื้องต้นสำหรับผู้ที่แพ้พืชหรือสมุนไพรบางชนิด

ส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจ

ชื่อสาร คุณสมบัติ
Turmeric (ขมิ้น) ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ เสริมความกระจ่างใส
Banana Extract ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
Avocado Oil ให้ความชุ่มชื้นล้ำลึกและบำรุงผิวให้ดูเนียนนุ่ม
Oat Sugar ช่วยให้ผิวตึงกระชับทันทีหลังใช้
Goji Berry & Quinoa Extracts ฟื้นฟูผิวจากความเครียดและมลภาวะ

5. L’Oréal Paris Revitalift 1.5% Hyaluronic Acid Serum

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • ผสาน ไฮยาลูรอนิคแอซิด 2 ขนาดโมเลกุล ฟื้นผิวได้ลึกถึงชั้นใน
  • เพิ่มความชุ่มชื้นทันที ผิวดูอิ่มน้ำใน 1 วัน
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวขาดน้ำ
  • ใช้ง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ผิวขาดน้ำ ผิวแห้งลอก แต่งหน้าไม่ติด
  • ผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือริ้วรอยแรกเริ่ม
  • ผู้ที่กำลังมองหาไฮยาในงบไม่เกิน 1,000 บาท

วิธีใช้

  • ใช้หลังล้างหน้าและโทนเนอร์ ทั้งเช้าและก่อนนอน
  • หยดลงบนใบหน้า 3-4 หยด เกลี่ยให้ทั่วใบหน้าและลำคอ
  • สามารถใช้ร่วมกับเรตินอลหรือวิตามินซีได้ในขั้นตอนถัดไป

ข้อควรระวัง

  • หากคุณมีผิวมันมาก ควรใช้ในปริมาณน้อยเพื่อลดความเหนอะ
  • ควรใช้ภายใน 6 เดือนหลังเปิดขวดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจ

ชื่อสาร คุณสมบัติ
Micro + Macro Hyaluronic Acid (1.5%) ฟื้นบำรุงผิวลึก เติมน้ำให้ผิวทันที
Glycerin รักษาความชุ่มชื้นผิวไว้ได้นาน
Sodium Hyaluronate โมเลกุลเล็กแทรกซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึก
Phenoxyethanol ช่วยถนอมผลิตภัณฑ์ให้เก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น

6. The Ordinary Retinol 0.5% in Squalane

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • เรตินอลบริสุทธิ์ในความเข้มข้น 0.5% เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เคยใช้มาแล้วระดับนึง
  • ใช้น้ำมัน Squalane จากพืชเป็นเบส ช่วยลดการระคายเคือง
  • ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือพาราเบน
  • ราคาย่อมเยา ปลอดภัยแม้ผิวแพ้ง่าย

เหมาะกับใคร?

  • ผู้เริ่มต้นใช้เรตินอลระดับกลางที่เคยลองความเข้มข้นต่ำแล้ว
  • ผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย และกังวลเรื่องการระคายเคือง
  • ผู้ที่อยากใช้เรตินอลในงบประหยัดแต่ยังเห็นผลจริง

วิธีใช้

  • ใช้เฉพาะตอนกลางคืน 2–3 ครั้ง/สัปดาห์ (เริ่มจากวันเว้นวัน)
  • ทาหลังเซรั่มน้ำและก่อนมอยส์เจอร์ไรเซอร์
  • หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาและปาก
  • ใช้ครีมกันแดดทุกเช้าเป็นประจำ

ข้อควรระวัง

  • ห้ามใช้ร่วมกับ AHA/BHA, วิตามินซี หรือไนอะซินาไมด์เข้มข้นในขั้นตอนเดียวกัน
  • ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้จริง โดยทาที่หลังใบหูหรือใต้คาง 24 ชั่วโมง

ส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจ

ชื่อสาร คุณสมบัติ
Retinol 0.5% ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
Squalane ให้ความชุ่มชื้นโดยไม่อุดตัน ช่วยลดการระคายเคืองจากเรตินอล
Caprylic/Capric Triglyceride บำรุงผิวให้นุ่มลื่น เป็นมิตรต่อผิวแพ้ง่าย
Jojoba Oil (อาจมี) เพิ่มความชุ่มชื้นเสริมอีกชั้น (ในบางรุ่นผสม)

7. Innisfree Retinol Cica Repair Ampoule

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • ผสาน Cica (Centella Asiatica) ช่วยบรรเทาผิวจากการระคายเคือง
  • ลดริ้วรอยและช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใส
  • เหมาะสำหรับคนที่ผิวบอบบางหรือมีปัญหาเรื่องการอักเสบจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเรตินอล
  • ปลอดภัยและอ่อนโยนกับผิวแพ้ง่าย

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่ายและต้องการใช้เรตินอล
  • ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย แต่กังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการใช้เรตินอล
  • ผู้ที่มีผิวที่ต้องการการฟื้นฟูหลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่อาจทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง

วิธีใช้

  • ใช้หลังการทำความสะอาดผิวและโทนเนอร์
  • ทาเซรั่มให้ทั่วใบหน้าและลำคอในตอนเย็น
  • หากเป็นการใช้ครั้งแรก ให้เริ่มใช้ทีละน้อย (วันเว้นวัน) เพื่อให้ผิวค่อยๆ ปรับตัว

ข้อควรระวัง

  • หากใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นที่มีเรตินอล หรือกรด AHA/BHA ควรใช้ในระยะห่างจากกัน
  • ควรใช้ครีมกันแดดในตอนเช้าเสมอ เนื่องจากเรตินอลสามารถทำให้ผิวไวต่อแสงแดด

ส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจ

ชื่อสาร คุณสมบัติ
Retinol ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอยและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
Cica (Centella Asiatica) ฟื้นฟูและบรรเทาการระคายเคือง ช่วยผิวแข็งแรงขึ้น
Panthenol (วิตามินบี5) เพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยลดการอักเสบ
Madecassoside สารสกัดจากใบบัวบก ช่วยซ่อมแซมผิวและลดรอยสิว

8. Estée Lauder Advanced Night Repair Synchronized Multi-Recovery Complex

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • ฟื้นฟูผิวได้อย่างรวดเร็ว ทำงานในช่วงกลางคืนเพื่อปรับสมดุลผิว
  • ลดเลือนริ้วรอย ลดจุดด่างดำ กระชับผิวให้เนียนละเอียด
  • เติมความชุ่มชื้นได้ยาวนาน ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและสดใส
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยและจุดด่างดำ
  • ผู้ที่มีผิวแห้งหรือขาดความชุ่มชื้น
  • ผู้ที่ต้องการให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์
  • ทุกคนที่ต้องการดูแลผิวในตอนกลางคืนโดยไม่ก่อให้เกิดความระคายเคือง

วิธีใช้

  • ใช้หลังทำความสะอาดผิวและโทนเนอร์
  • หยดเซรั่ม 2-3 หยดลงบนปลายนิ้วและทาทั่วใบหน้าและลำคอ
  • ใช้ทุกคืนก่อนนอนเป็นประจำ

ข้อควรระวัง

  • ควรใช้ในตอนกลางคืนเท่านั้น เพราะเซรั่มทำงานได้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้
  • ควรใช้คู่กับครีมกันแดดในตอนเช้าเพื่อป้องกันแสงแดด

ส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจ

ชื่อสาร คุณสมบัติ
ChronoluxCB Technology ฟื้นฟูผิวในตอนกลางคืน เพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมแซม
Hyaluronic Acid เติมน้ำให้ผิว ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำและอ่อนนุ่ม
Antioxidants (วิตามินอี) ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอย
Algae Extract ช่วยปลอบประโลมผิวและกระตุ้นการซ่อมแซมผิวให้เร็วขึ้น

9. Olay Regenerist Micro-Sculpting Serum

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • ลดริ้วรอยร่องลึก ทำให้ผิวดูยกกระชับ
  • ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเนียนละเอียด
  • มีเทคโนโลยี Amino-Peptide Complex ช่วยปรับโครงสร้างผิว
  • เหมาะกับผิวทุกประเภท แม้ผิวแพ้ง่าย

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีริ้วรอยหรือเริ่มมีริ้วรอยแห่งวัย
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว และเพิ่มความยืดหยุ่น
  • ผู้ที่มีผิวแห้งหรือขาดความชุ่มชื้น
  • ผู้ที่ต้องการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและลดจุดด่างดำ

วิธีใช้

  • ใช้หลังการล้างหน้าและโทนเนอร์
  • หยดเซรั่ม 2-3 หยดและทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ
  • ใช้เช้าและเย็นอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • ควรใช้ครีมกันแดดในตอนเช้า

ข้อควรระวัง

  • หากคุณมีผิวแพ้ง่าย ควรทดสอบที่ท้องแขนก่อนใช้เพื่อทดสอบการแพ้
  • หลีกเลี่ยงการใช้กับผลิตภัณฑ์ที่มีกรดวิตามินซีหรือเรตินอลในเวลาเดียวกัน

ส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจ

ชื่อสาร คุณสมบัติ
Amino-Peptide Complex ช่วยยกกระชับผิว ลดริ้วรอยและช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหาย
Hyaluronic Acid เติมน้ำให้ผิวช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำและเนียนนุ่ม
Glycolic Acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออก เพิ่มการหมุนเวียนของเซลล์ใหม่
Niacinamide (วิตามิน B3) ช่วยกระชับรูขุมขนและปรับผิวให้สม่ำเสมอ กระจ่างใสขึ้น

10. Shiseido Benefiance WrinkleResist24 Night Cream

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

  • ช่วยลดริ้วรอยและเส้นบางๆ บนใบหน้า
  • ฟื้นฟูและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างล้ำลึก
  • บำรุงผิวให้กลับมาดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใส
  • เทคโนโลยี WrinkleResist24 ช่วยปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอยในอนาคต

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีริ้วรอยหรือเริ่มเห็นริ้วรอยบนใบหน้า
  • ผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูผิวในช่วงกลางคืน
  • ผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวขาดความชุ่มชื้น
  • ผู้ที่ต้องการการดูแลผิวอย่างล้ำลึกและยาวนาน

วิธีใช้

  • ใช้เป็นขั้นตอนสุดท้ายในรูทีนกลางคืน หลังจากทำความสะอาดผิวและใช้เซรั่ม
  • ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ จากนั้นนวดเบาๆ เพื่อให้ครีมซึมซาบเข้าสู่ผิว
  • ใช้ทุกคืนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ข้อควรระวัง

  • ครีมนี้เหมาะสำหรับใช้ในตอนกลางคืนเท่านั้น
  • ควรใช้ร่วมกับครีมกันแดดในตอนเช้าเพื่อป้องกันการทำร้ายจากแสงแดด

ส่วนผสมสำคัญที่น่าสนใจ

ชื่อสาร คุณสมบัติ
WrinkleResist24 Technology ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่และลดริ้วรอยที่มีอยู่
ReNeura Technology++ ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิวและการสร้างเซลล์ใหม่
Hydroxyproline ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว เพื่อให้ผิวกระชับและยืดหยุ่นมากขึ้น
Hyaluronic Acid เติมความชุ่มชื้นให้ผิวและทำให้ผิวดูอิ่มน้ำยาวนาน